RoHS มาตรฐานเพื่อสิ่งแวดล้อม
RoHS มาตรฐานเพื่อสิ่งแวดล้อม
RoHS ย่อมาจาก Restriction of Hazardous Substances เป็นข้อกำหนดที่ 2002/95/EC ของสหภาพยุโรป (EU) ว่าด้วยเรื่องของการใช้สารที่เป็นอันตรายในอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งหมายความรวมถึงเครื่องใช้ทุกชนิด ที่ต้องอาศัยไฟฟ้าในการทำงาน เช่น โทรทัศน์ เตาอบไมโครเวฟ วิทยุ เป็นต้นซึ่งหมายความว่า ชิ้นส่วนทุกอย่างที่ประกอบเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้านั้น ตั้งแต่แผงวงจร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงสายไฟ จะต้องผ่านตามข้อกำหนดดังกล่าว โดยสารที่จำกัดปริมาณในปัจจุบัน กำหนดไว้ 6 ชนิด ดังนี้
1.ตะกั่ว (Pb) ไม่เกิน 0.1% โดยน้ำหนัก
2.ปรอท (Hg) ไม่เกิน 0.1% โดยน้ำหนัก
3.แคดเมียม (Cd) ไม่เกิน 0.01% โดยน้ำหนัก
4.เฮกซะวาเลนท์ (Cr-VI) ไม่เกิน 0.1% โดยน้ำหนัก
5.โพลีโบรมิเนต ไบเฟนนิลส์ (PBB) ไม่เกิน 0.1% โดยน้ำหนัก
6.โพลีโบรมิเนต ไดเฟนนิล อีเธอร์ (PBDE) ไม่เกิน 0.1% โดยน้ำหนัก
จากกฎระเบียบของ EU ข้างต้น ทำให้ส่งผลกระทบถึงกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้อง ที่ต้องการส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยัง EU โดยตรงโดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งเป็นฐานการผลิต เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ต่างๆเพื่อการส่งออกไปยัง EU และทั่วโลก อันมีมูลค่าที่สูงยิ่งนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องวางแผนล่วงหน้า ในการวิเคราะห์สารอันตราย 6 ชนิด ในชิ้นส่วนต่าง ๆ เพื่อให้ทราบว่ามีหรือไม่มี หรือถ้ามีนั้น มีในปริมาณเท่าไร เพื่อจะสามารถแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต และการนำวัสดุทดแทนอื่นมาใช้ เพื่อให้ สามารถผลิตสินค้าต่างๆได้มีคุณภาพและ สอดคล้องโดยไม่ขัดกับระเบียบ RoHS ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว อีกทั้งเป็นการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันการส่งออกสินค้าไปยังประเทศคู่ค้าต่างๆตามกฎระเบียบใหม่นีได้เป็นอย่างดี
1.ตะกั่ว (Pb) ไม่เกิน 0.1% โดยน้ำหนัก
2.ปรอท (Hg) ไม่เกิน 0.1% โดยน้ำหนัก
3.แคดเมียม (Cd) ไม่เกิน 0.01% โดยน้ำหนัก
4.เฮกซะวาเลนท์ (Cr-VI) ไม่เกิน 0.1% โดยน้ำหนัก
5.โพลีโบรมิเนต ไบเฟนนิลส์ (PBB) ไม่เกิน 0.1% โดยน้ำหนัก
6.โพลีโบรมิเนต ไดเฟนนิล อีเธอร์ (PBDE) ไม่เกิน 0.1% โดยน้ำหนัก
จากกฎระเบียบของ EU ข้างต้น ทำให้ส่งผลกระทบถึงกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้อง ที่ต้องการส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยัง EU โดยตรงโดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งเป็นฐานการผลิต เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ต่างๆเพื่อการส่งออกไปยัง EU และทั่วโลก อันมีมูลค่าที่สูงยิ่งนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องวางแผนล่วงหน้า ในการวิเคราะห์สารอันตราย 6 ชนิด ในชิ้นส่วนต่าง ๆ เพื่อให้ทราบว่ามีหรือไม่มี หรือถ้ามีนั้น มีในปริมาณเท่าไร เพื่อจะสามารถแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต และการนำวัสดุทดแทนอื่นมาใช้ เพื่อให้ สามารถผลิตสินค้าต่างๆได้มีคุณภาพและ สอดคล้องโดยไม่ขัดกับระเบียบ RoHS ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว อีกทั้งเป็นการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันการส่งออกสินค้าไปยังประเทศคู่ค้าต่างๆตามกฎระเบียบใหม่นีได้เป็นอย่างดี
line ID :